top of page

โครงการการใช้เทคโนโลยีสีเขียวในการปรับเปลี่ยนเกษตรที่มีสารเคมีตกค้างเป็นเกษตรปลอดสารเคมี ระยะที่ 2

  • รูปภาพนักเขียน: Impact Partnership
    Impact Partnership
  • 20 พ.ย.
  • ยาว 3 นาที

หน่วยงานเจ้าของโครงการ: คณะวิศวกรรมศาสตร์ (หัวหน้าโครงการ: ศาสตราจารย์ ดร. พวงรัตน์ ขจิตวิชานุกูล )



🔹1. Case Overview (บริบทและภาพรวมโครงการ)


พื้นที่ดำเนินการ

28 แปลง ประกอบด้วย แปลงต้นแบบ 10, แปลงขยายผล 18

5 พื้นที่: อ. สันป่าตอง, อ. สารภี, อ. หางดง, อ. แม่วาง (จ. เชียงใหม่) และ อ. บ้านโฮ่ง (จ. ลำพูน)


ช่วงเวลาดำเนินการ

กรกฎาคม 2565 - มิถุนายน 2567 (ระยะเวลา 2 ปี)


ปัญหา / โอกาส

ปัญหา: การเกษตรที่พึ่งพาสารเคมี ทำให้เกิดสารเคมีตกค้างในผลผลิตและสิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเกษตรกรและโอกาสในการแข่งขัน

โอกาส: ใช้เทคโนโลยีสีเขียว (เช่น ไบโอชาร์, บึงประดิษฐ์) เพื่อสร้างกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่เกษตรปลอดสารเคมีอย่างครบวงจร , สร้างมาตรฐานการตรวจสอบย้อนกลับ และยกระดับเกษตรอินทรีย์ไทยสู่ตลาดโลก


Impact Verifier Status

SROI 1.39 (ระดับ Impact: ดี ) 

ประเมินโดย: ผศ.ดร.เฉลิมพล คงจิตต์ และ นายชนาธิป จันทร์บาง 

ตรวจรับรองโดย: ดร.กฤษณะ ธีรพลพิพัฒ และ ดร.สุรเดช จองวรรณศิริ


🔹 2. Stakeholder Mapping (การระบุผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย)

กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

บทบาท

ประโยชน์ที่ได้รับ (หรือได้รับผลกระทบ)

ระดับการมีส่วนร่วม

ชุมชน / กลุ่มเป้าหมายหลัก

เกษตรกร 28 แปลง (ต้นแบบ, ขยายผล, อินทรีย์เดิม, พึ่งพาสารเคมี) 

ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีสีเขียว 12 ชนิด

สูง

ผู้รับประโยชน์หลักและผู้ปฏิบัติงาน

เกษตรกรเข้าร่วมอบรมเพิ่ม (50 ราย)

เศรษฐกิจ: ลดต้นทุนการใช้สารเคมี และต้นทุนกำจัดกิ่งลำไย 

คุณภาพชีวิต: สุขภาพดีขึ้น ลดการเจ็บป่วย/เข้า รพ. 



หน่วยงานภาครัฐ

ภาคธุรกิจ / องค์กรสนับสนุน

บริษัท ลิฟวิ่งชอยส์ (ลิฟวิ่งซอยล์) 

ผู้ร่วมทุน (In-kind/In-cash) และสนับสนุน Test kit

 ได้ Protocol และเกณฑ์การใช้ Test kit

 ได้กำไรจากการจำหน่าย Test kit

ผู้ร่วมทุน (In-cash) 


สูง 

ผู้สนับสนุนทุนและเทคโนโลยี


บริษัท ไทธนบุรี จำกัด 

- ผู้ร่วมทุน (In-cash) 

- องค์กรปลายทาง รับซื้อผลผลิตลำไยปลอดสารเคมี

- ลดต้นทุนการตรวจสอบสารเคมี และได้วัตถุดิบคุณภาพตามมาตรฐาน 

สูง 

ผู้สนับสนุนทุนและผู้รับผลผลิต 

สถาบันการศึกษา / นักวิจัย

ทีมนักวิจัย (คณะวิศวกรรมศาสตร์) 

- ผู้ดำเนินโครงการหลัก พัฒนาเทคโนโลยีและหลักสูตร

- เกิดหลักสูตรอบรมใหม่

- เกิดเครือข่ายความร่วมมือกับปราชญ์ชุมชนและเกษตรกร 

สูง 

ผู้ดำเนินโครงการ

ภาคประชาสังคม / เครือข่าย

เครือข่าย “Pesticide-free Agriculture” 

- เป็นผลลัพธ์ของโครงการ

- เกิดกลไกความร่วมมือระหว่าง เกษตรกร-เอกชน-นักวิชาการ-ภาครัฐ 

- สมาชิกมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น 


ผลลัพธ์ของโครงการ

🌐 Key จุดเน้น: ชี้ให้เห็น “ระบบนิเวศของการขับเคลื่อน (ecosystem of collaboration)” — ว่าใครบ้างที่ทำให้ผลลัพธ์เกิดขึ้นจริง



🔹 3. Intervention / Innovation (กลยุทธ์ – วิธีการ – เครื่องมือที่ใช้)


นวัตกรรมหรือวิธีการทำงาน

การพัฒนาและถ่ายทอด "เทคโนโลยีสีเขียว" (12 เทคโนโลยี) 

  1. กลุ่มไบโอชาร์ (5 ชนิด): เช่น เตาเผาไบโอซาร์, ระบบ กรองน้ำ, ไบโอชาร์สำหรับลดสารเคมีในดิน/น้ำ 

  2. กลุ่มป้องกันสารเคมี (4 ชนิด): เช่น บึงประดิษฐ์, Barrer strip, การปลูกพืชแนวกันชน, Biocontrol 

การตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) และสร้างเกณฑ์



การสร้างเครือข่าย (Ecosystem Building)

จุดแข็ง

จัดการเชิงรุก: ไม่ใช่แค่ "งด" แต่ใช้เทคโนโลยี "แก้ไข" (เช่น ลดสารตกค้าง) และ "ป้องกัน" (เช่น ป้องกันสารเคมีจากภายนอก) 

เปลี่ยนขยะเป็นทรัพยากร: เปลี่ยนกิ่งลำไย (ของเหลือทิ้ง) เป็นไบโอชาร์ (วัสดุปรับปรุงดิน/ลดสารเคมี) 

สร้างระบบป้องกัน: ป้องกันการปนเปื้อนข้ามแปลงจากพื้นที่รอบข้าง (ทั้งทางดิน ทางน้ำ และ ทางอากาศ) 

สร้างความน่าเชื่อถือ: ใช้เทคโนโลยี (Test kit, โดรน, LCMSMS) ในการตรวจติดตามและสร้างเกณฑ์คัดเลือกผลผลิต 

ลดต้นทุน: พัฒนาเกณฑ์การใช้ Test kit (ราคาถูก) เพื่อสร้างมาตรฐาน PGS ที่เกษตรกรเข้าถึงได้ 

ครบวงจร (End-to-End): เชื่อมโยง "นักวิชาการ" (พัฒนาเทคโนโลยี), "เกษตรกร" (ผู้ใช้), และ "ภาคธุรกิจ" (ผู้รับซื้อ/ผู้สนับสนุน) 


  • วาดภาพโมเดลย่อ (Impact Model Diagram) :  OPTIONAL** Problem → Intervention → Change → Value

Problem (เกษตรพึ่งพาสารเคมี/สุขภาพแย่/ต้นทุนสูง) → Intervention (เทคโนโลยีสีเขียว + Test kit + เครือข่าย) → Change (ลดต้นทุนสารเคมี/ลดสารตกค้างในดินน้ำ/สุขภาพดีขึ้น) → Value (SROI 1.39 / เกษตรยั่งยืน / ตลาดรับซื้อที่มั่นคง) 

💡 Key จุดเน้น: แสดงให้เห็นว่าโครงการนี้ “เปลี่ยนวิธีคิดหรือวิธีทำ” ทำให้เกิดการการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม



🔹 4. Impact Pathway / Theory of Change (เส้นทางของการเปลี่ยนแปลง)

ใช้โมเดลเชื่อมโยง Input → Activity → Output → Outcome → Impact

ลำดับ

รายการ

ตัวอย่างคำอธิบาย

Input

ทรัพยากร, ทีมงาน, ข้อมูล

งบประมาณรวม (Total Input): 17,005,769.09 บาท มาจาก: แหล่งทุน , บ.ลิฟวิ่งชอยส์ (In-kind/cash) , บ.ไทธนบุรี (In-cash) , และค่าเสียเวลาของเกษตรกร

Activity

กิจกรรมหลัก

  1. อบรมและฝึกปฏิบัติการใช้เทคโนโลยีสีเขียว 12 ชนิด ใน 28 แปลง

  2. ตรวจติดตามสารเคมีตกค้าง (ใช้ Test kit, โดรน, แล็บ)

  3. สร้างเกณฑ์การคัดเลือกคุณภาพผลิตภัณฑ์

  4. สร้างเครือข่าย “Pesticide-free Agriculture

Output

ผลผลิตที่เกิดขึ้น

  1. เกษตรกร 28 แปลง (และเข้าร่วมเพิ่ม 50 ราย) ได้รับการถ่ายทอดความรู้ 

  2. เกิดแปลงต้นแบบ 10 แปลง และแปลงขยายผล 18 แปลง

  3. เกิดหลักสูตรอบรมใหม่ 3 ชุดหลักสูตร

  4. เกิด Protocol และเกณฑ์การใช้ Test kit 

Outcome

การเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ

ด้านเศรษฐกิจ: เกษตรกรลดต้นทุนการใช้สารเคมี และลดต้นทุนกำจัดกิ่งลำไยและ ลดต้นทุนการตรวจสอบสารเคมี

ด้านสังคม: เกิดเครือข่ายเกษตรกร และความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นในชุมชน

ด้านคุณภาพชีวิต: เกษตรกรมีสุขภาพที่ดีขึ้น ลดการเจ็บป่วย

Impact

การเปลี่ยนแปลงเชิงระบบ / ยั่งยืน

ด้านสิ่งแวดล้อม ลดการใช้สารเคมีในพื้นที่เกษตร (ลดการปนเปื้อนในดินและน้ำ ) 

ด้านนวัตกรรม เกิดการใช้เทคโนโลยีสีเขียวใหม่และเกณฑ์การตรวจสอบ

ด้านระบบ เกิด "ระบบนิเวศ" ความร่วมมือ (เกษตรกร-นักวิชาการ-เอกชน) เพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่เกษตรปลอดสารเคมี 

🌱 Key จุดเน้น: ช่วยให้เห็น “เส้นทางของการเปลี่ยนแปลง” (Impact Pathway) ที่เกิดจากโครงการนั้นจริง ๆ



🔹 5. Evidence & Indicators (หลักฐานและตัวชี้วัดผลลัพธ์)

ระบุผลลัพธ์ในเชิงปริมาณและคุณภาพ เช่น

Quantitative

มูลค่าผลลัพธ์รวม (Y0+Y1): 23,676,925.51 บาท 

เศรษฐกิจ: 15,035,029.83 บาท (63.50%) เช่น ลดต้นทุนสารเคมี 7.59 ลบ. , ลดต้นทุนกำจัดกิ่งลำไย 2.65 ลบ. , ลดต้นทุนตรวจสอบให้ บ.ไทธนบุรี 2.04 ลบ. 

สิ่งแวดล้อม: 5,989,483.52 บาท (25.30%) เช่น มูลค่าการลดสารเคมีในดิน 4.53 ลบ. , ลดสารเคมีในน้ำ 1.35 ลบ. 

นวัตกรรม: 1,600,634.91 บาท (6.76%) เช่น เกิด Protocol, หลักสูตร 

สังคม: 757,499.53 บาท (3.20%) เช่น การสร้างเครือข่าย 

คุณภาพชีวิต: 294,277.72 บาท (1.24%) เช่น ลดค่ารักษาพยาบาล 

Qualitative

  1.  เกษตรกรเกิดการตระหนักรู้ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสีเขียว

  2.  เกษตรกรมีความสัมพันธ์กับชุมชนดีขึ้น

  3.  ทีมนักวิจัยมีความสัมพันธ์กับเกษตรกรและปราชญ์ชาวบ้านดีขึ้น

  4.  เกิด Long-term partnership ระหว่าง บ.ไทธนบุรี กับเกษตรกร 

SROI / Economic Valuation

SROI Ratio: 1.39 (การลงทุน 1 บาท สร้างผลลัพธ์ทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม 1.39 บาท) 

Sensitivity Analysis: หากผลผลิตลำไยอินทรีย์ต่ำ (ในปี 2570) และเกษตรกรเลิกใช้เทคโนโลยี, SROI จะลดลงเหลือ 1.28


📊 Key จุดเน้น: ให้เห็นว่าผลลัพธ์ “จับต้องได้” และสะท้อนคุณค่า ไม่หยุดอยู่ที่ Output



🔹 6. SV Key Lessons Learned (บทเรียนสำคัญ / ปัจจัยความสำเร็จ)


ปัจจัยที่ทำให้โครงการสำเร็จ

1. Partnership (ความร่วมมือครบวงจร): การทำงานร่วมกันของ นักวิชาการ (พัฒนาเทคโนโลยี) , ภาคเอกชน (สนับสนุนทุน/Test kit/รับซื้อ) และเกษตรกร (ลงมือทำ) ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบ

2. Technology (เทคโนโลยีที่เหมาะสม): การมี 12 เทคโนโลยีสีเขียวที่ชัดเจน ช่วยให้เกษตรกรมีเครื่องมือในการ "ป้องกัน" และ "แก้ไข" ปัญหาสารเคมี

3. Traceability (การตรวจสอบ): การใช้ Test kit และการตรวจทางแล็บ ช่วยสร้างความตระหนักรู้ให้เกษตรกร และสร้างมาตรฐาน/ความเชื่อมั่นให้ผู้รับซื้อ 

อุปสรรคและสิ่งที่เรียนรู้จากการดำเนินงาน

1. ความเสี่ยงที่เกษตรกรอาจตัดสินใจเลิกใช้เทคโนโลยีสีเขียว

2. ข้อจำกัดด้านกระบวนการ: ปริมาณผลผลิตไบโอชาร์อาจไม่เพียงพอต่อการใช้งานในแปลง

3. ข้อจำกัดด้านเศรษฐกิจ: ผลตอบแทน/ผลผลิตที่ได้ยังช้าในช่วงปรับเปลี่ยน และราคายังผันผวนตามกลไกตลาด

4. ข้อจำกัดด้านต้นทุน: ค่าใช้จ่ายในการตรวจติดตามและประเมินสารเคมีตกค้างที่ยังสูง

บทบาท

นักวิจัย (ผู้นำการเปลี่ยนแปลง): เป็นแกนหลักในการพัฒนาเทคโนโลยี , ถ่ายทอดความรู้ และประสานงานเครือข่าย

เกษตรกรแปลงต้นแบบ (ผู้นำเครือข่าย): ทำหน้าที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม ถ่ายทอดเทคโนโลยีไปยังแปลงขยายผล

ภาคเอกชน (ผู้สนับสนุนเชิงกลยุทธ์): บ.ลิฟวิ่งชอยส์ ร่วมพัฒนา Protocol การตรวจ และ บ.ไทธนบุรี สร้างหลักประกันในการรับซื้อผลผลิต (Demand) 



🔹 7. Impact Scalability 

  •  สรุปว่ากระบวนการนี้สามารถ “ต่อยอด / ขยายผล” ไปที่พื้นที่อื่นได้อย่างไร

โครงการนี้ได้สร้าง "องค์ความรู้" (12 เทคโนโลยี) , หลักสูตรอบรม , และ เกณฑ์การตรวจสอบ(Protocol Test kit) ที่ผ่านการทดลองและพิสูจน์ผลแล้ว องค์ความรู้ชุดนี้จึงมีความพร้อมสูง (High Replicability) ที่จะนำไปถ่ายทอดและขยายผลไปยังกลุ่มเกษตรกรอื่นๆ หรือพืชชนิดอื่นๆ ที่ต้องการปรับเปลี่ยนเป็นเกษตรปลอดสารเคมี 

  • โครงการ ต้องการขยายความร่วมมือ อะไร ต่อยอด เชิญชวน Impact Partnership

  • ด้านตลาด: ต้องการพันธมิตรที่สามารถ ประกันราคา(ประกันราคา) หรือ สร้างตลาดรับซื้อ (มีตลาดการรับซื้อ) ผลผลิตปลอดสารเคมีในระยะยาวให้เกษตรกร

  • ด้านนโยบาย/การรับรอง: ต้องการความร่วมมือในการผลักดัน เกณฑ์มาตรฐาน และ การให้การรับรองผลผลิต (กำหนดและสร้างเกณฑ์มาตรฐาน การให้การรับรองผลผลิต) ที่เกิดจากกระบวนการนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ตลาด

🧩 Key จุดเน้น: ให้ผู้อ่านเห็น “โอกาสในการนำโมเดลนี้ไปใช้ต่อ” มาร่วมมือกัน — ช่วยให้สมาคมเลือก case ที่มีศักยภาพสูงในการเผยแพร่ต่อสาธารณะ



🔹 8. SV Inspiration (การสะท้อนคุณค่าทางสังคม)

“What value did this project create for people and society?”

  • สะท้อนในมุมของผู้ได้รับประโยชน์ (เสียงของ stakeholder)

คุณค่าที่สำคัญที่สุดที่โครงการนี้สร้างขึ้นคือการปลดล็อคเกษตรกรจากการพึ่งพาสารเคมี โดยไม่ได้บังคับให้ เลิกแต่ มอบเครื่องมือ(เทคโนโลยีสีเขียว) และ สร้างความมั่นใจ (การตรวจวัด) โครงการนี้พิสูจน์ว่าการเปลี่ยนเป็นเกษตรปลอดสารเคมีไม่ได้ส่งผลดีแค่สิ่งแวดล้อม (ดินและน้ำสะอาดขึ้น) หรือ ผู้บริโภค แต่ส่งผลโดยตรงต่อตัวเกษตรกรเอง

คุณค่าด้านคุณภาพชีวิต: เกษตรกรมีสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ลดการเจ็บป่วยและการเข้าโรงพยาบาล (คิดเป็นมูลค่า 294,277.72 บาท )

คุณค่าด้านเศรษฐกิจชุมชน: เปลี่ยน "ขยะ" (กิ่งลำไย) ให้เป็น "ทรัพยากร" (ไบโอชาร์) ช่วยลดต้นทุนการกำจัด และลดต้นทุนการใช้สารเคมีได้จริง

คุณค่าด้านความสัมพันธ์: เกิดความร่วมมือและเครือข่ายที่เข้มแข็งขึ้นระหว่างเกษตรกร, นักวิจัย, และปราชญ์ชาวบ้าน

  • คำพูดสั้น ๆ (Quote) จากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เช่น ชาวบ้าน, นักวิจัย, ผู้บริหารท้องถิ่น

สรุปจากการสัมภาษณ์กลุ่มเกษตรกรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (ระบุในบทสรุปผู้บริหาร)

"ความสำเร็จที่ประจักษ์ชัดที่สุดของโครงการนี้ คือการสร้างความตระหนักรู้ที่นำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิต ทั้งในด้าน 'สุขภาพที่ดีขึ้น' และ 'สภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย' ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของความยั่งยืนที่เกษตรกรสัมผัสได้จริง"

ตัวแทนภาคเอกชน (บริษัท ไทธนบุรี จำกัด) 

"โครงการนี้ช่วยปลดล็อกข้อจำกัดทางการตลาด ทำให้ภาคธุรกิจสามารถเข้าถึงวัตถุดิบลำไยอินทรีย์คุณภาพสูงได้ใน 'ต้นทุนที่แข่งขันได้' เทียบเท่าตลาดปกติ ช่วยสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจควบคู่ไปกับการสนับสนุนเกษตรกรไทย"

คณะทำงานและทีมนักวิจัยโครงการ

"เราไม่ได้เพียงแค่ปรับเปลี่ยนวิธีการเพาะปลูก แต่เรากำลังสร้างระบบนิเวศ 'Pesticide-free Agriculture' ที่ผนึกกำลังระหว่าง เกษตรกร ภาคธุรกิจ และนักวิชาการ เพื่อขับเคลื่อนเกษตรกรรมไทยสู่มาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล"


ความคิดเห็น


Asset 1 1.png
Impact Function
Create Impact
Impact Portal
Impact Insight
About IPP
Social Media
image 37.png
image 38.png
image.png
image.png

สมาคมผู้ประประเมินมูลค่าทางสังคมไทย
Tel : 089-680–1233, 090-669-3961
Email : info@impactpartnership.asia
Mon – Fri, 09:00-18:00

Find us at the office8/106 PATIO Kallapaphruk-SathornKanchanapisek Road, Bangkae, Bangkok, Thailand 10160

Copy right 2021 all rights reserved © NISE CORPORATION CO.,LTD Version: 3.0.7 | 10/10/2024_10:40
bottom of page